วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

DISNEY CLASSIC


หมายถึงภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ผลิตโดย Walt Disney Animation Studio หรือที่เรียกว่า Walt Disney Future Animation (WDFA) ซึ่งไม่รวมหนังภาคต่อ หนังที่ใช้คนแสดง และไม่รวมไปถึงหนังที่สร้างเพื่อส่งตรงเข้าวีดีโอ โดยภาพยนตร์ในหมวดนี้จะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาวที่ออกฉายตามโรงภาพยนตร์


SNOW WHITE AND THE SEVEN DWARFS (1937)


กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

เจ้าหญิงสโนว์ไวท์ อาศัยอยู่กับราชินีซึ่งเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย นางมีกระจกบานหนึ่งซึ่งสามารถตอบคำถามได้ทั้งมวล ทุกวันหล่อนพร่ำถามถึงกระจกว่า ผู้ใดงามเลิศที่สุดในปฐพี ซึ่งทุกครั้งกระจกก็จะตอบว่า เจ้าหญิงสโนว์ไวท์เป็นผู้ที่งามที่สุด ราชินีใจร้ายจึงวางแผนฆ่านางทิ้งซะ ทว่านายพรานที่ได้รับว่าจ้างก็ใจไม่กล้า สโนว์ไวท์จึงได้ไปอยู่กับคนแคระทั้งเจ็ด เมื่อราชินีพบว่า สโนว์ไวท์ยังไม่ตาย ก็ปลอมตัวเป็นยายแก่มาหลอกให้เธอกินแอ็ปเปิ้ลอาบยาพิษ คนแคระคิดว่าเธอตายจึงนำเธอไปใส่ในโลงแก้ว บังเอิญเจ้าชายรูปงามได้ผ่านทางมา เห็นความงามของสโนว์ไวท์จึงเข้าไปจุมพิต เวทย์

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ประวัติภาพยนตร์แอนิเมชั่น

เมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณที่อียิปต์ เป็นภาพของนักมวยปล้ำสองคนต่อสู้กัน เป็นเหมือนภาพที่แสดงการเคลื่อนไหวหลายๆภาพต่อๆกัน ต่อมาได้พบถาพที่แสดงถึงการเคลื่อนไหว จากผลงานภาพวาดของศิลปินเอกระดับโลกชื่อ ลีโอนาโด ดาวินชี เป็นภาพที่แสดงของเขตการเคลื่อนไหวของแขนและขาของมนุษย์ ส่วนทางด้านตะวันออก ชาวญี่ปุ่นโบราณนิยมใช้ม้วนกระดาษแสดงเรื่องราวต่างๆที่ต่อเนื่องกัน

จากนั้นปี ค.ศ.1824 ทฤษฎีเรื่องภาพติดตาของมนุษย์ก็เกิดขึ้น โดย John Ayrton Paris นายแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ประดิษฐ์เครื่องมือที่เรียกว่า ธัมมาโทรป มีลักษณะเป็นแผ่นกลมๆ ด้านหนึ่งเป็นรูปนก ส่วนอีกด้านเป็นรูปกรงนกเปล่าๆ แล้วนำแต่ละด้านผูกไว้กับเชือกหรือติดกับแกนไม้ เมื่อทำการหมุนด้วยความเร็วสูง จะเห็นว่านกเข้าไปอยู่ในกรง

และหลังจากปี ค.ศ.1892 โธมัส อัลวา เอดิสัน ได้ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพยนตร์และเครื่องฉายภาพ พร้อมๆกับบริษัทอีสท์แมนได้ปรับปรุงคุณภาพของฟิลม์ ภาพยนตร์ก็เป็นจริงขึ้นมา จนถึงศตวรรษที่ 20 การพัฒนาเทคนิคทางภาพยนตร์ก็แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือการสร้างภาพยนตร์ที่อาศัยตัวแสดง ฉาก และกล้องบันทึกภาพที่เคลื่อนที่ไปได้ จนพัฒนากลายเป็นการแสดงที่เป็นไปตามธรรมชาติ และใช้กล้องบันทึกภาพไปอย่างต่อเนื่อง หรือเรียกว่า ไลฟ์ แอคชั่น ซีนีม่า ส่วนการสร้างภาพยนตร์อีกแนวทางหนึ่งจะอาศัยการวาด ฉาก และกล้องที่ตั้งอยู่กับที่เพื่อบันทึกภาพทีละภาพ จนกลายเป็นการพัฒนาของภาพยนตร์แอนิเมชั่นในปัจจุบัน

ประวัติของดิสนีย์

“เมื่ออธิษฐานต่อดวงดารา
ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร
ทุกสิ่งที่ใจเธอปรารถนา จะเป็นจริง”

บทเพลง “When you wish upon star” จากเรื่อง Pinocchio

หลายคนคงสงสัยว่าเป็นไปตามเนื้อเพลงได้จริงหรือเปล่า เชื่อไหมว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ วอล์ท ดิสนีย์ ทำมาแล้ว

การ์ตูนของเขาถ้ามองในสายตาผู้ใหญ่ก็เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน เพราะโลกแห่งความเป็นจริงมีแต่ความโหดร้าย ทว่าเมื่อเราลองปล่อยตัวเองไปกับจินตนาการ นึกถึงวัยเยาว์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเราวัยที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ เรายังเชื่อในมนต์ของนางฟ้า เจ้าหญิง เจ้าชาย แม่มด และปาฏิหาริย์ เราก็จะได้รู้ว่าโลกแห่งความจริงไม่ได้มีแต่ความโหดร้ายเท่านั้น และดิสนีย์เลือกที่จะนำเรากลับมาสู่วัยเยาว์ในรูปแบบภาพยนตร์การ์ตูนที่ร้อยเรียงกันอยู่ในแผ่นภาพ มาเป็นเวลาร่วม 70 ปี

พระราชบัญญัติที่ไม่ธรรมดาที่สุดฉบับหนึ่งของอเมริกา คือ กฎหมายมหาชน 99-191(08/23/86) มีมติร่วมกันให้กำหนดเอาวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1968 เป็นวัน 'ที่ระลึกวอลท์ดิสนีย์โดยเลือกเอาวันที่ตรงกับวอล์ท ดิสนีย์เกิดเมื่อ 85 ปีก่อน และเป็นเดือนที่ตรงกับวาระครบรอบ 20 ปีที่เขาถึงแก่กรรมมาแล้วด้วย สิ่งที่เป็นจุดเด่นในชีวิตและงานของชายที่ทำให้วุฒิสภากับสภาผู้แทนฯราษฎรสหรัฐอเมริกาต้องใช้เวลาประชุมร่วมกันเพื่อลงมติออกกฎหมายให้กับเขานั้น เนื่องมาแต่ความสำคัญอย่างใดหรือชีวิตและงานของดิสนีย์นั่นเองคือคำตอบ ชีวิตของดิสนีย์นั้นถ้าจะว่ากันจริงๆแล้วตั้งแต่เกิดมาก็เป็นชีวิตที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ดิสนีย์เกิดในครอบครัวชาวนาจนๆ ที่ไม่มีอันจะกินจนถึงขนาดที่ช่วงหนึ่งดิสนีย์ไม่เคยได้รับของเล่นเป็นของขวัญจากพ่อเลย เพราะถือเป็นของฟุ่มเฟือยและครอบครัวไม่มีฐานะพอที่จะเสียเงินในส่วนนี้ ดิสนีย์เคยทำงานหลายสิ่งหลายอย่างมาตลอดชีวิตของเขา เคยเป็นเด็กล้างรถขนโลงศพ เคยทำงานเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ เคยทำงานคุมเครื่องล้างขวด ปิดฝาขวดและบดแอปเปิลเพื่อทำน้ำวุ้น เคยสมัครเข้าทำงานเป็นอาสากาชาดในช่วงสงคราม และเริ่มงานเขียนภาพที่เป็นชิ้นเป็นอันจากการทำงานเป็นคนร่างภาพในบริษัทโฆษณา

หลายคนอาจมองว่าชีวิตของดิสนีย์นั้นเป็นชีวิตที่สวยหรูแต่จริงๆแล้วเขาประสบกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง บ่อยครั้งที่เขาเป็นหนี้ แม้เมื่อเขาประสบความสำเร็จแล้วเขาก็ยังมีหนี้ที่ เพิ่มขึ้น ช่วงหนึ่งในชีวิตของเขานั้นดิสนีย์เคยตกต่ำจนถึงขนาดที่ไม่มีเงินแม้แต่จะเอาไปจ่ายค่าซ่อมรองเท้าจึงไม่ได้ไปเอารองเท้าคืน และติดหนี้ร้านขายอาหารจนเจ้าของไม่สามารถให้เชื่อได้อีกจึงต้องประทังชีวิตด้วยถั่วกระป๋องเก่าๆเย็นชืดและขนมปังเก่าแห้งแข็งที่ค้นเจอในสตูดิโอ แต่ดิสนีย์ยังคงไม่ท้อถอยและพยายามทำให้ชีวิตดีขึ้นโดยใช้งานที่เขารักคืองานเขียนรูปทำให้เขาประสบความสำเร็จเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้จนถึงทุกวันนี้ หนึ่งในเคล็ดลับแห่งความสำเร็จของดิสนีย์คือ ดิสนีย์เชื่อถือความชำนาญมากกว่าความรู้ เพราะสิ่งที่เขาได้จากการเรียนรู้ในโรงเรียนนั้นจบลงที่ปีที่1 ของไฮสคูล ส่วนสิ่งที่หล่อหลอมให้เขาเป็นดิสนีย์ที่เรารู้จักนั้นมาจากการที่เขาเป็นเพียงเด็กบ้าน นอกที่ขัดเกลาชีวิตขึ้นจากปรัชญาชีวิตของเขานั่นเอง คติประจำใจข้อหนึ่งของดิสนีย์มีอยู่ว่า "จะเป็นคนทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่พยายามลงมือทำขึ้น" ซึ่งนี่เองเป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอและกล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรใหม่ๆ โดยไม่ลังเล ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำก็ได้กลายเป็นแม่แบบของการทำหนังการ์ตูนในปัจจุบัน

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดิสนีย์กล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรอย่างรวดเร็วไม่ลังเลคือ ความที่เขาเป็นคนที่คิดอยู่ตลอดเวลา และมีความคิดใหม่ๆอยู่เสมอ ทำให้หลายๆครั้งเขาต้องรีบตัดสินใจทำสิ่งนั้นลงไปก่อนที่จะเปลี่ยนใจ เมื่อตอนที่เขาตัดสินใจสร้างรางรถไฟและขุดอุโมงค์ให้รถไฟวิ่งรอบบ้านตัวเองนั้น ตอนแรกเขายืนกรานที่จะทำแต่เมื่อมีความคิดใหม่เข้ามา เขาก็ลืมเสีย แต่เมื่อเวลาผ่านไปความคิดนั้นก็กลับเข้ามาอีก ดิสนีย์จึงรีบโทรบอกวิศวกรที่รับทำงานนั้นในตอนแรกให้รีบทำทันทีก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ ความคิดที่กล้าได้กล้าเสียแบบนี้เองที่ทำให้เขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้ก่อนใคร การทำงานด้วยใจรักและความตั้งใจ เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวอล์ทดิสนีย์ บ่อยครั้งที่เขาทำหนังหรือการ์ตูนแล้ว่ได้เงินค่าจ้างน้อยกว่าหรือไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้ แต่เขาจะลงมือทำก่อนเสมอโดยไม่คิดว่าจะได้เงินเท่าไหร่ ขอเพียงแค่ได้มีงานให้ทำ มีงานให้สร้างสรรค์ ทำให้ในบางครั้งเขาต้องลงทุนชักเนื้อเพื่อให้งานสำเร็จแต่ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย งานที่ทำด้วยหัวใจและความตั้งใจเช่นนี้แหละที่ทำให้เขาเป็นผู้ที่ทุกคนรู้จัก การบริหารงานของดิสนีย์เองก็มีสิ่งที่แปลกประหลาดไปจากที่คนทั่วๆไปทำกัน ทีมงานของดิสนีย์ส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอะไรเลยแต่ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหม่ที่มีความสนใจในงานเขียนการ์ตูนแล้วได้รับการฝึกฝนจากดิสนีย์จนมีฝีมือ ดนตรีที่ไพเราะในภาพยนตร์การ์ตูนของดิสนีย์ในช่วงแรกๆก็ไม่ได้เป็นวงที่ดีเลิศ แต่กลับเป็นเพียงวงดนตรีที่เกิดจากนักดนตรีที่มารวมกันเล่นในยามว่าง เพลงที่แต่งขึ้นก็ด้วยใจนึกสนุก แต่งตามอารมณ์ไม่ได้คิดอะไรมากแต่ก็ออกมาเป็นเพลงที่ยอดนิยมและติดหูพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้

มีคำถามหนึ่งที่ดิสนีย์ชอบถามตัวเองอยู่เสมอก่อนลงมือทำอะไรลงไปก็คือ "ทำอย่างไรจึงจะหมดกังวลในเรื่องงานของตัวเองนี้ได้" นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผู้ที่จะมาติดต่องานกับดิสนีย์ได้นั้นจะต้องมาก่อนบ่าย นั่นเป็นวิธีที่เขาจะเก็บปัญหาหนักๆ ไว้ขบคิดก่อนเที่ยง เพราะเขามีความคิดว่าการทำอารมณ์ให้สงบในตอนบ่ายนั้นจะช่วยให้นอนหลับสบายในตอนกลางคืน ดังนั้นเขาจะไม่ยอมอ่านบทหรือเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจเลยในตอนกลางคืน กฎ 'ห้ามกังวลใจในตอนบ่าย' ตอนแรกนั้นไม่ค่อยจะมีคนเชื่อว่าดิสนีย์จะถือเป็นจริงเป็นจังเพราะฉะนั้นมักจะมีคนมาหาเวลาสักบ่ายสี่หรือห้าโมง ดิสนีย์ก็ไม่ยอมให้เขาพบไม่ว่าจะสำคัญแค่ไหนก็ตาม ดิสนีย์มักจะพบอยู่เสมอว่าปัญหาสำคัญต่างๆ ที่ชอบมาในตอนบ่ายห้าโมงนั้นกลับคลี่คลายไปในทางที่ดีได้เองเมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น และผู้ที่นำปัญหาเข้ามาปรึกษาก็มักจะบอกเองว่าเรียบร้อยแล้วเมื่อถึงเวลาเช้าอีกวัน ชีวิต แนวคิด และการดำเนินงานของดิสนีย์ คงจะพออธิบายได้ถึงเหตุผลแห่งความสำเร็จในผลงานแต่ละชิ้นของเขา และผลงานแต่ละชิ้นที่ปรากฎสู่สายตาคนดูนั้นก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยยากและความตั้งใจตลอดชีวิตของดิสนีย์ จึงเป็นการสมควรแล้วที่เขาได้รับเกียรติตามกฏหมายมวลชน ของสหรัฐฯ ฉบับนั้นเหตุผลที่ในเรื่องนี้มีกล่าวไว้ในคำปรารภของกฏหมายฉบับนี้อยู่แล้วและถือว่าเป็นคำตอบได้อย่างดี

ตัวละครผู้ให้ความสุขทั้งหลายที่วอลท์ ดิสนีย์เป็นผู้สร้างขึ้นมา รวมทั้งมิคกี้เมาส์และ โดแนลด์ ดั๊คนั้น เป็นการสร้างความหรรษาให้แก่ผู้คนทั้งหลายได้ชั่วอายุ วอล์ท ดิสนีย์ใช้ตัวละครที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้นนั้นเองทำหน้าที่ส่งเสริมคุณค่าของครอบครัวและ สอนบทเรียนให้แก่ชุมชนและแก่ด้านจริยธรรมผลิตงานที่เป็นเอกสารทางธรรมชาติ ซึ่งเฟ้นหาความรักที่มองเห็นได้จากภายนอกสู่ภายใต้ออกมาสู่อาณาจักรของชีวิตสัตว์ และเน้นให้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติของประเทศชาติ.. เป็นผู้อุทิศเวลาและทรัพยากรจำนวนมากมหาศาลเพื่อใช้ปรับปรุงคุณภาพชีวิตชาวเมืองของสหรัฐอเมริกาด้วยการก่อสร้างโลกของดิสนีย์และศูนย์ EPCOT CENTER ขึ้นมา เขาคือวีรชนพื้นบ้านอเมริกันคนหนึ่งที่กลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

(บางส่วนของบทความมาจากนิตยาสาร Starpics ฉบับ I Love Animation)